ขอให้ไม่มีใครสนใจรองเท้าคู่นั้นและภาวนาขอใหรองเท้าคู่นั้นกลายเป็นของเธอในเร็ววัน
รองเท้าของลิลี่คือรองเท้าผ้า มันเป็นรองเท้ามือสองที่แต่ก่อนคงเคยเป็นสีขาวสะอาด ตอนที่แม่เอามันมาให้เธอจากตลาดมือสองสีของมันก็เป็นสีน้ำตาลตุ่น ๆ อยู่แล้ว และยิ่งหลังจากหลายปีที่เธอสวมมันไปเดินฝ่าดินฝ่าโคลนในทุก ๆ ที่มา สีของมันก็ยิ่งเลอะเขรอะเข้าไปใหญ่ แม้แม่ของเธอจะล้างจะขัดหนักมือแค่ไหนมันก็ไม่สะอาดให้มากไปกว่าสีของผ้าขี้ริ้วอีกแล้ว ลิลี่มองไปที่กลุ่มผู้เด็กหญิงและเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน รองเท้าหนังสัตว์เงาวิบวับ รองเท้าผ้าที่มีรูปดอกไม้หลากสี และรองเท้าผ้าธรรมดาที่ไม่ต่างจากคู่ที่เธอสวมอยู่แต่แค่มีสีขาวสะอาด ลิลี่ก้มลงมองรองเท้าของตัวเอง สีของมันแทบไม่ต่างจากสีของพื้นดินใต้เท้าเธอแล้ว ลิลี่วิ่งกลับบ้านไปหาแม่ เธอเขย่าตัวแม่พลางร้องเรียก “แม่คะ ๆ หนูอยากได้รองเท้าคู่ใหม่ ” แม่ของเธอบอกให้อดทนรอ ลิลี่ถามแม่ของเธอว่าต้องรอนานแค่ไหน แม่ของเธอก็บอกแค่ว่าให้อดทนรอ หนึ่งวันผ่านไปลิลี่ถามแม่ของเธออีกครั้งว่าต้องรออีกนานแค่ไหน แม่ของเธอก็บอกแค่ว่าให้อดทนรอ ลิลี่อดทนรอไม่ไหว อีกหนึ่งวันผ่านไปเธอถามแม่อีกครั้งก็โดนแม่ไล่ตะเพิดให้ออกไปเล่นข้างนอกบ้าน ลิลี่ไม่มีอะไรจะเล่นเธอเลยไปนั่งอยู่บนขอบทางเท้าที่หน้าร้านขายรองเท้า รองเท้าสีแดงคู่ที่เธอใฝ่ฝันตั้งแต่ที่ได้เห็นมันครั้งแรกยังคงวางอยู่บนแท่นโชว์ข้างในร้านอย่างโดดเด่น ลิลี่ภาวนาขอให้ไม่มีใครสนใจรองเท้าคู่นั้นและภาวนาขอให้รองเท้าคู่นั้นกลายเป็นของเธอในเร็ววัน
วันถัดไปเสร็จจากทานอาหารเช้าลิลี่รีบวิ่งตรงไปที่ร้านรองเท้าแห่งนั้นอีกครั้งเพื่อที่จะได้นั่งฝันหวานต่อ วันนี้มีพ่อลูกคู่หนึ่งเดินเปิดประตูออกมาจากร้าน ดวงตาของลิลี่เบิกกว้าง เธอจ้องเขม็งไปที่เท้าของเด็กผู้หญิงคนนั้น ที่เท้าของเด็กผู้หญิงคนนั้น…คือรองเท้าสีแดงโดดเด่นคู่ที่เธอฝันใฝ่อยากจะได้มาตลอด ลิลี่ใจสลาย เธอวิ่งกลับบ้านไปคลุมโปงแล้วร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่ม แม่ของเธอถามเธอ ลิลี่ เป็นอะไรไป? ลิลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ของเธอฟัง แม่ของเธอส่ายหน้าแล้วไล่ให้เธอไปกวาดใบไม้ที่ลานหน้าบ้าน ลิลี่คิดว่าแม่ช่างไม่เข้าใจความโศกเศร้าของเธอเลย ลิลี่กวาดใบไม้ด้วยอารมณ์ซึมกะทือ ในหัวพูดแต่ว่าไม่ยุติธรรม ๆ วนไปมา ยิ่งพูดมากเข้าจากที่เศร้าอยู่เธอก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมาแทน เธอนึกโมโหเด็กผู้หญิงคนนั้นกับพ่อของเธอ เธอนึกโมโหแม่ของตัวเองด้วย ลิลี่ระบายอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจด้วยการตะบันกวาดพื้นลานหน้าบ้านจนใบไม้ใบหญ้าปลิวว่อนไปทั่ว ลิลี่มองไปเห็นกองใบไม้กองโตที่แม่ของเธอกวาดเอาไว้ก่อนหน้าก็วิ่งไปตีมันด้วยไม้กวาด ลิลี่ตีมันย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ จนใบไม้ใบหญ้าในกองพากันเด้งกระจุยขึ้นฟ้าแล้วร่วงกระจายโปรยปรายลงมา ลิลี่กระโดดโลดเต้นท่ามกลางฝนใบไม้ที่เธอสร้างขึ้นอย่างสนุกสนาน ลืมสิ้นซึ่งอารมณ์โมโหและหน้าที่ที่ต้องกวาดลานหน้าบ้าน
ลิลี่! ลิลี่สะดุ้งโหยง เธอหันไปมองตามเสียงก็เห็นแม่ของเธอยืนกอดอกทำหน้าบึ้งมองมาจากหน้าต่างห้องครัว ก่อนที่แม่ของเธอจะตัดสินใจเดินออกมาตีเธอกลางลานสนามหญ้าด้วยทัพพีให้ได้อับอายเพื่อนบ้าน ลิลี่ก็รีบเก็บกวาดที่ตัวเองทำรก ตอนนั้นเองลิลี่รู้สึกได้ว่ามีของน้ำหนักเบาบางอย่างหล่นลงกลางศีรษะ เธอยกมือขึ้นปัดมันออกแต่มันกลับติดมือหนึบ ลิลี่ขมวดคิ้ว เธอลดมือลงมาดูแล้วก็ต้องตกใจ เธอกรีดร้อง หนอน! ลิลี่ทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งหนีเข้ามาในบ้าน จะไปไหนของลูก, ไม่เอาแล้ว หนูไม่กวาดแล้ว ลิลี่ตะโกนกลับมา แม่ของเธอถอนหายใจแล้วเดินออกไปหยิบไม้กวาดมากวาดส่วนที่เหลือต่อ ในขณะที่ลิลี่ร้องไห้กระซิก ๆ อยู่ในอ่างอาบน้ำ วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดเลย!
“นี่มันยายลิลี่รองเท้าเน่านี่น่า” ลิลี่เงยหน้าขึ้น ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอคือทอมมี่
เลิกทำหน้าบูดแล้วใส่รองเท้าได้แล้ว แม่ของเธอสั่ง ลิลี่หยิบรองเท้าผ้าน่าเกลียดคู่ประจำของตัวเองมาสวมอย่างจำใจ แม่ของเธอหยิบไม้กวาดยื่นมาตรงหน้าลิลี่แต่ก่อนที่แม่จะได้ทันสั่งเธอลิลี่ก็วิ่งหนีจากไปก่อนแล้ว ลิลี่ได้ยินเสียงแม่เรียกไล่ตามหลังมาแต่เธอไม่สนใจ วันนั้นลิลี่เดินเตร็ดเตร่ไปทั่วหมู่บ้าน ก่อนจะมาหยุดนั่งพักที่สนามเด็กเล่นในมุมที่ห่างไกลจากเด็กคนอื่น ๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ในสนาม ลิลี่มองกลุ่มเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอมองรองเท้าของพวกเขาแต่ละคนแล้วก้มลงมองรองเท้าของตัวเอง สิ่งที่ลิลี่อยากได้คือรองเท้าคู่ใหม่ที่สะอาดสะอ้าน ที่ไม่ใช่ของมือสองจากใคร ขอบตาของลิลี่ร้อนผ่าว เธอปาดหยดน้ำตาที่ซึมออกมาก่อนจะพยายามกลั้นส่วนที่เหลือไม่ให้ไหลตามออกมาด้วย นี่มันยายลิลี่รองเท้าเน่านี่น่า ลิลี่เงยหน้าขึ้น ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอคือทอมมี่ ทอมมี่ชอบกวนเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไปไกล ๆ เลย ทอมมี่ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ทอมมี่เดินมากระโดดย่ำเท้าใกล้ ๆ เธอจนฝุ่นดินฟุ้งกระจายไปทั่ว ลิลี่รีบลุกหนี ทอมมี่หัวเราะและเดินตามมากระทืบพื้นจนฝุ่นฟุ้งในทุก ๆ ที่ที่ลิลี่เดินหนีไป หยุดนะ! ลิลี่ตะโกน ขอบตาของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งและเสียงหัวเราะของทอมมี่ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากร้องไห้มากขึ้นแต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหัวเสียมากขึ้นไปด้วย บอกให้หยุดไง! ลิลี่ผลักทอมมี่จนเขาล้มก้นจ้ำเบ้า เธอพุ่งเข้าไปคว้าขี้ดินมาละเลงใส่ทอมมี่ที่ดิ้นพรวดพราดอยู่บนพื้นจนเขาร้องไห้โฮก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกไป
ลิลี่มาลงเอยอยู่ที่ข้างคูน้ำแห่งหนึ่ง ลิลี่ดึงดอกหญ้าข้างคูน้ำมาผูกกันเล่น ท้องของเธอร้องเสียงดังด้วยความหิว ความจริงลิลี่ตั้งใจจะกลับบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วแต่ความคิดที่ว่าจะโดนแม่ดุและทำโทษทำให้เธอยืดเยื้อไม่ยอมกลับบ้านสักทีจนรู้ตัวอีกทีตอนเย็นก็มาถึงแล้ว ลิลี่มองรอบข้างอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แสงสว่างที่น้อยลงทำให้ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยความมืด และเพราะบริเวณคูน้ำไม่ใช่ที่อยู่อาศัยจึงไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านมาบ่อย ๆ เมื่อนกในรังเริ่มไม่ส่งเสียงกันแล้วความเงียบก็ทำให้บรรยากาศรอบข้างวังเวงน่ากลัวขึ้น ลิลี่นั่งกอดเข่าดวงตาลุกลิกมองไปทั่วและสะดุ้งโหยงกับเสียงแปลกปลอมเล็ก ๆ น้อย ๆ น่ากลัวจัง อยากกลับบ้านแล้ว ลิลี่คิดแต่ความคิดที่ว่าจะโดนแม่ดุและทำโทษนั้นน่ากลัวกว่า แม้ใจจะหวั่นกลัวลิลี่ก็ยึดมั่นที่จะนั่งอยู่ข้างคูน้ำต่อไปอย่างนี้ ลิลี่มองท้องฟ้า อีกไม่นานแสงอาทิตย์ก็จะหายไปหมดแล้ว เมื่อได้อยู่คนเดียวกับความคิดของตัวเองเงียบ ๆ ลิลี่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาหลังจากต้องกลั้นน้ำตามาทั้งวัน ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงดังเหมือนอะไรบางอย่างกำลังแหวกพงหญ้าเข้ามาใกล้ ลิลี่หันไปมาหาที่มาของเสียงแล้วเธอก็เห็นหมาท่าทางอันตรายอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของคูน้ำ มันทำท่าว่าจะว่ายมาหาเธอที่ฝั่งนี้ ลิลี่ดูท่าทีของมันก่อนและเมื่อเห็นว่ามันเดินลงน้ำมาแล้วเธอก็ไม่รอช้ารีบจ้ำอ้าวหนีออกไปจากตรงนั้นทันที
ลิลี่วิ่งไม่หยุด แม้ระหว่างทางเธอจะหกล้มเธอก็รีบลุกขึ้นวิ่งต่อไป เธอวิ่งผ่านบ้านเรือนที่คุ้นตา เลี้ยวตรงหัวมุมที่คุ้นเคย เส้นทางเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเธอก็มาหยุดที่หน้ารั้วบ้านของตัวเอง เธอเห็นแม่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านกำลังคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลิลี่โผเข้าไปกอดแม่ของเธอเต็มแรงจนทำให้ผู้ใหญ่ทั้งคู่ตกใจ ลิลี่? หายไปไหนมา! ลิลี่ซุกหน้ากับหน้าท้องของแม่ วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดเลย! เธอพูดและร้องไห้จนเปียกปอนเสื้อผ้าของแม่ แม่ของเธอไม่ดุด่าเธอ ไม่ทำโทษเธอในทันทีเหมือนที่ลิลี่คิดแต่กลับกอดไหล่ของเธอแน่น คืนนั้นภายใต้ผ้าห่ม ลิลี่นอนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดให้แม่ของเธอฟัง แม่ของเธอส่ายหัวหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ พรุ่งนี้ทั้งวันห้ามออกไปเล่นข้างนอก อยู่ช่วยทำงานบ้านซะ ลิลี่โอดครวญ นึกว่าจะผ่านวันนี้ไปได้โดยที่ไม่ต้องโดนทำโทษแล้ว ลิลี่ แม่พูดกับเธอ ดวงตาของแม่สั่นไหวเหมือนจะร้องไห้ อย่าหายไปอย่างนี้อีกนะรู้ไหม, …อื้ม ลิลี่ตอบเสียงแผ่ว ความรู้สึกผิดพองโตอยู่ในใจของเธอ …หนูขอโทษค่ะ แม่ของเธอยิ้ม ยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอและดึงผ้าขึ้นห่มให้ ฝันดีจ๊ะ ลิลี่
วันรุ่งขึ้นลิลี่พลิกตัวเปลี่ยนท่านอนแล้วชนเข้ากับกล่องอะไรบางอย่างจนมันหล่นลงพื้น ลิลี่งัวเงียลุกขึ้นดูแล้วก็เห็นสิ่งที่ทำให้เธอตาลุกวาวจนสกัดความงัวเงียออกไปได้จนหมด แม้มันจะไม่ใช่รองเท้าสีแดงที่เธอใฝ่ฝันแต่รองเท้าผ้าสีขาวแต้มลายดอกไม้เล็ก ๆ คู่ตรงหน้านี้ก็ทำให้ลิลี่ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นบนเตียงได้แล้ว รองเท้าใหม่! แม่ของเธอได้ยินลิลี่ตะโกนเสียงดังมาแต่ไกล ผู้เป็นแม่ส่ายหน้า ถ้าลูกสาวของเธอรู้จักอดทนและรอให้ถึงวันนี้อย่างสงบเหงี่ยมเรื่องน่าปวดหัวเมื่อวานก็คงไม่เกิดขึ้น จริง ๆ เล้ย เด็กคนนี้ แม่ของลิลี่บ่นกับตัวเอง ดูท่าจะลืมไปแล้วสิเนี่ยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง
Editor: กวางขาว